เรามีความสงสัยว่า ทำไมเราถึงแปลก
ทำไมถึงไม่พยายามทำในสิ่งที่เหมือนกับผู้อื่น
ทำไมการดิ้นรนมีชีวิตเหมือนคนอื่นถึงได้ยากนัก
เราพยายามจนถอดใจ และใช้ชีวิตสบายใจบนความทุกข์ของผู้อื่น
ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเราให้เหมือนคนอื่นได้
ความคิดที่เราอยากถ่ายทอดออกมา มันไม่ง่ายเลย
บางทีมันอาจไม่ชัดเจนมากพอ
บางทีมันอาจเป็นความรู้สึกมากกว่า
บางทีเราอาจมีคลังศัพท์น้อยเกินไป
เราอยากจะบอกความรู้สึก แต่มันไม่ง่าย
มันอาจสับสนมากเกินไป
หรืออย่างข้างต้นที่เราคิดได้
เราอยากจะบอกปัญหา แต่มันไม่ง่าย
บางทีเหมือนจะเข้าใจ
บางทียิ่งคิดกลับยิ่งสับสนวุ่นวาย
บางทีอาจไม่จำเป็นต้องพูด
เราก็แค่สับสน มันอาจเป็นอย่างนั้น
ในความสับสน คงมีเรื่องมากกว่าหนึ่งอย่าง
บางทีถ้าได้วิเคราะห์สักหน่อย
เราอาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้น
แต่เราก็ยังดูไม่เข้าใจ
ยังดูปฏิเสธที่จะเข้าใจ
ยังดูไม่ยอมรับอะไรๆอยู่
มีบางสิ่งปิดกั้นอยู่
ความรู้สึกว่า ไม่อาจเข้าถึงได้มีอยู่
แม้แต่ตัวเอง ยังรู้สึกแบบนั้น
(บางที อาจมีบุคลิกหนึ่งของเราที่ชอบคำว่า บางที)
หมายถึงเราไม่อยากด่วนสรุป ถึงได้พูดว่า บางที
เหมือนคนที่ไม่กล้าสัญญาอะไรกับใคร
ถึงได้พูดคำว่า สักวันหนึ่ง สักวันนะ อะไรอย่างนั้น
(เอามาจากเรื่องอนาเธอร์สินะ)
ทั้งที่ในตอนดู ไม่ได้นึกเอะใจอะไรกับคำนั้น
อาจมีสงสัยนิดหน่อยว่า ทำไมพูดแต่คำนี้
แต่พอมาเจอสถานการณ์ที่ตัวเองพูดว่า บางที
ทำให้เข้าใจว่า คำว่า สักวันหนึ่ง หมายถึงอะไร
ทั้งที่ไม่ได้คิด แต่กลับออกมาผ่านนิ้วมือ
เหมือนไม่จำเป็นต้องใช้ความคิด ก็ออกมาได้
บางทีนะ การสัญญา อาจเป็นสิ่งที่เราไม่ปรารถนาอีกต่อไป
เพราะการผิดคำสัญญา ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
และหากผิดไปแล้ว ความรู็สึกผิดในใจต้องมาแน่
เราแค่อยากปกป้องตัวเองจากความรู้สึกผิดที่อาจจะเกิดขึ้น
ทำให้ไม่สามารถให้คำสัญญากับใครได้
ดังนั้น คำว่า สักวันหนึ่งนะ จึงดูสมจริง ดูน่าจะเป็นไปได้มากกว่า
อีกแง่หนึ่ง การกลัวว่าจะผิดสัญญาก็มาจาก
การตระหนักถึงความสามารถในตัวเองว่า ไม่อาจทำได้
อย่างในเรื่องอนาเธอร์ ตัวละครชักไม่แน่ใจว่า จะมีชีวิตอยู่ไปอีกนานแค่ไหน
จนไม่สามารถให้คำสัญญาต่อกันได้
ได้แต่คิดและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า สักวัน สักวันหนึ่งนะ
ปล.ยังไม่ได้เขียนสิ่งที่คิดว่าจะเขียนในตอนแรกอยู่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น