วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เราชอบทำตามที่คนอื่นบอก
หมายถึง บอกอย่างสุภาพ หรือเรียกว่า ร้องขอก็ว่าได้
เราไม่สามารถปฏิเสธได้  (ในบางทีนะ)
เพราะเราไม่สามารถยอมรับได้ว่า ตัวเรามีค่า
หากไม่สามารถทำให้ใครสักคนสมปรารถนาในเรื่องที่ขอ
(เหมือนตัวเองเป็นเทพบันดาลพรซะงั้น)
มีบุคลิกภาพแบบยอมตาม  ในภาวะปกติ
เหมือนคนที่ถูกใครจูงไปจูงมาได้ง่าย
แต่จะมีบุคลิภาพแบบต่อต้านหรือหลีกหนี ในภาวะไม่ปกติ
จากการสันนิษฐานของตัวเอง (มันใช้กับคดีฆาตกรรมที่มีคนตายมิใช่หรือ)
จะสันนิษฐานหรือวินิจฉัยก็ช่าง(ออกมาแล้ว บุคลิกภาพแบบปล่อยวางอย่างดื้อๆ)
กลับมาที่เรื่องการยอมตาม  เรายอมจนเหมือนสูญเสียความเป็นตัวตน
แต่ถ้าถามเราว่ายอมยังไง  เรายอมในแง่กายภาพ  ความคิดก็มีบ้างที่ไม่ยอม
ดูเหมือนคนหัวอ่อน  อย่างที่เคยบอก เมื่อก่อนเราดูโง่ๆเซ่อๆ
แต่เพราะฝังใจกับคำว่า โง่ ก็เลยดิ้นรนจนกลายเป็นเหมือนอีกคน
อีกคนที่ว่า ไม่ได้ฉลาด หรือดูฉลาด  แค่รอบรู้มากขึ้น  ดูนิ่งๆ (ปกติก็นิ่งนะ แต่..)
ดูเลือดเย็นขึ้นมานิดหนึ่ง..มั้งนะ  บางทีก็กวน  กวนมาก ชอบโต้เถียงด้วย
ทั้งที่บุคลิกแบบยอมตามจะไม่ใช่แบบนี้  ไม่ว่าใครพูดอะไร จะเออออหมด
บางที อาจจะเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น หรือดื้อรั้นขึ้น  ทิฐิมากขึ้น
และพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากคำว่า โง่
อย่างที่เคยบอก(มั้งนะ) พอรู้ทันคนอื่นโดยเฉพาะคนรอบตัว
เหมือนจะรู้แบบชนิดที่อ่านใจอ่านความรู็สึกได้  คงเพราะใกล้ชิดมั้ง
คนในครอบครัว  มียายที่เราทั้งเคารพ ทั้งกลัว ทั้งห่วง ทั้งรังเกียจ
แทบจะทุกอย่างที่เรารับรู้จากคนๆหนึ่ง  มันมากจนเราก็สับสนนะ
ว่าเรารักหรือเกลียดเขากันแน่  ทั้งที่ห่วงมาก แต่ไม่อยากอยู่ใกล้
รู้สึกอยากผลักไสออกไป แต่ก็รู้สึกผิดในใจ และอะไรหลายๆอย่าง
เวลานอนด้วยกัน ถ้าได้ยินเสียงลมหายใจ  หรือเสียงขยับ
ไม่ใช่แค่กับยาย แต่กับทุกคน (น้า..อา ผู้หญิงนะ ไม่เคยนอนกับผุ้ชาย ยกเว้นเด็ก
หรือนอนรวมแบบหลายคน เวลาไปต่างจังหวัดกันดารนิดหนึ่ง)
มันจะรู้สึกอึดอัด  บางทีอึดอัดมากจนทนไม่ได้
แค่คิดจะข่มตาให้หลับก็ไม่ลง  ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดมากอย่างรุนแรง
แต่ไม่แสดงออกมา เพราะบุคลิกแบบอดทนของเรา(ดูเหมือนจะเป็นโฮสท์)
อย่าพยายามอธิบายเหมือนตัวเองมีหลายบุคลิกได้ไหม เดี๋ยวเป็นจริงๆ ทำไง
มันมาอีกแหละ  พอเริ่มจะหลุดๆ  มันก็จะลืมเรื่องที่คิดเมื่อกี้ไปแวบหนึ่ง
ไหนๆก็หลุดล่ะ  เปลี่ยนเรื่องไปเลยละกัน
กำลังกลุ้มใจพอดีเรื่องนี้  เพลงแสตมป์ก็ขึ้นมาเลย
"ฉันชอบใคร  เค้าก็ไม่ชอบฉัน
พอเค้าชอบมาเรา  เราก็ไม่ชอบเค้าเหมือนกัน.."
ไม่อยากคิดเรื่องนี้เท่าไหร่ เหมือนให้ความสำคัญกับศัตรูมากเกินควร
เพราะความเกลียดเปลี่ยนเป็นความชอบได้
ตามทฤษฎีของท่านเคย์มะซะมะ(มีคำว่าท่านและยังมีซะมะอีก)
แต่ก็นะ  ไม่ได้เกลียดสักหน่อย  ความรู้สึกที่ไม่รุนแรงยังไงก็ไม่รุนแรง
ความจริงไม่ได้กังวลแบบนั้น  แค่กลัวเสียความรู้สึกต่อกันเท่านั้น
เพราะเราไม่ติดใจ หากจะชอบใคร แต่ติดใจ หากใครจะไม่ชอบเราขึ้นมา
และไม่พยายามจะสานความสัมพันธ์กับใคร  อันนี้เป็นจุดยืนในตอนนี้
ถึงจะมีคนที่ชอบ และคนนั้นจะชอบเราเหมือนกัน
แต่เราก็ไม่คิดจะสานต่อให้มาก หรือเกินเลยไปอีกแล้ว
ตอนนี้ เราจริงจังกับปัญหาชีวิตมากกว่า
หนึ่งในนั้นคือ การอธิบายเกี่ยวกับปัญหาทางจิตใจแบบจิตวิทยาคลีนิค
เพราะเรายังไงก็ดูเป็นผู้ป่วยทางจิตหรือทางอารมณ์ก็เถอะ
แต่ก็ไม่ค่อยยอมรับให้ใครมาตัดสิน หรือบ่งว่า เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
อย่างค้นหาและเรียนรู้ไปด้วยตัวเองมากกว่า
ดูเหมือนคนที่กำลังค้นหาตัวเอง
หรือไม่ก็พยายามสร้างเอกลักษณ์ตัวตนของตัวเองอยู่เลย

ปล.เลิกพยายามคิดที่จะแสดงความคิดในตอนแรกที่อยากจะเขียน
บางทีอาจลืมไปแล้ว บางทีอาจเขียนไปแล้ว  ช่างเถอะ


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น