รู้สึกยังไม่ใช่อะ อยากจบแต่จบไม่ลง
มันยังไงไม่รู้ ยังไม่อิน หรืออะไรผิดพลาดไม่รู้
อยากเริ่มใหม่ อยากนับหนึ่งใหม่
แต่ก็เสียดายเวลา เพราะใช้เวลากับมันเยอะมาก
ยังอยากสานต่อ แต่..บางทีเราอาจอ่อนไหว
อาจแค่ฟุ้งซ่าน พร่ำเพ้อ อาจต้องทิ้งไปบ้าง ห่างบ้าง
เหมือนช่วงหนึ่งที่ดูเมะดาร์คๆ ไม่ใช่เอช หมายถึงแนวมืดมน
จนเกิดอยากให้ตอนจบ จบแบบทรมาน มีการสูญเสีย
ถึงจะคิดงั้น แต่กลับไม่มีกระใจแต่งต่อ เพราะหดหู่
ส่วนตอนนี้ ไม่รู้สิ ถึงให้จบแบบแฮปปี้นิดๆ แต่ก็ยังตึงๆตันๆ
เหมือนไม่มั่นใจ หรือกลัวอะไรสักอย่าง กลัวการจบ กลัวๆๆ
กลัวจนจะเป็นโรคกลัวความกลัวแล้ว
ล้า ร่างกายก็ป่วย ใจก็ป่วย รู้สึกเหนื่อยกับทุกสิ่ง
เหนื่อยกับความรู้สึกนามธรรม ชีวิตจะแอ็บสแตรกไปไหน
เหงามั้ง ไม่มีเพื่อนคุยอย่างถูกคอ ไม่มีใครถูกใจ คุยกันยาก
จริงๆ เพื่อนสมัยมหาลัยคุยถูกคอหลายคนทีเดียว
แต่รู้สึกป่วยสังคม เข้าหน้าเพื่อนไม่ค่อยติด มึนๆไงไม่รู้
คุยถูกคอเนี่ย ประมาณคุยเรื่องซีเรียส ปรัชญา การศึกษา บ้านเมือง
คือก็ไม่รู้ทำไม รู้สึกเวลาคุยกันออกรสแล้ว คนรอบข้างมักมองแปลกๆ
ประมาณว่า อีพวกนี่ มันคุยห่าไรกันวะ ไม่เข้าหนังหน้าเท่าไหร่
แต่เราถูกคอเนี่ย คุยได้ไม่เกินสองคน ถนัดคุยแบบตัวต่อตัว
ไม่งั้นโฟกัสเรื่องยาก หลายคนหลายความ จะชอบฟังมากกว่า
บางทีอาจรู้สึกว่า พอแต่งไปแต่งมา มันไร้สาระขึ้นเรื่อยๆ
เพราะวางตีมอะไรก็ยังไม่ชัด ยังไม่สื่ออะไร นอกจากเพลินไปเรื่อยๆ
บางทีก็คิดว่า แต่งให้จบก่อน แล้วค่อยแทรกเสริมอะไร
หรือแม้แต่ปรับโครงเรื่องใหม่ อยากให้แต่งนี้จบก่อน แล้วค่อยทำ
ถือเป็นช่วงเวลาซีเรียสที่ดีมาก อยากรู้สึกแบบนี้มานาน เฝ่อ
บางทีก็ดีที่คิดอะไรจริงจังบ้าง เพราะติดเล่น เสียสมาธิง่ายตลอด
ใช้ความเครียดเป็นแรงกระตุ้นในการทำงานบ้างไรบ้าง
ว่าแต่มีไอเดียอยากแต่งประมาณเอาบุคลิคทั้งหมดของตัวเองมาเล่น
แต่การตั้งชื่อไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่เอาแบบว่า ฟ้า ขาว ดำ แดง
หรือยิ้ม เศร้า บึ้ง หรือชื่อรัฐแบบไอเดนฯ ปกติแล้ว มันต้องมีหลักอะไร
ชื่อเหล่านั้นจะต้องสอดคล้องกัน แต่ไม่โจ่งแจ้งจนเกินไป
อย่างเช่น ตั้งตามชื่อไพ่ทาโรต์ไรงี้ อันนั้นก็แอบคิดมาใช้ในนิยายบ้าง
ไพ่ทาโรต์เอามาใช้ได้เยอะ ถึงได้สนใจด้วย อย่างเรื่อง นาวยูซีมี
เอาไพ่ชุดหลักก็พอเนอะ แค่นั้นก็ปาเข้าไป ยิบสามใบแล้วนิ
แอบชอบเดอะฟู มนุษย์เจ้าสำยาน ไฮพรีเทสก็ชอบ อ่านงี้ปะวะ
เดอะมูน เดอะสตาร์ เดอะซัน เอามาใช้ง่าย มีเรื่องหนึ่งที่แต่งค้างไว้ก็ใช้
ถ้าเอาแค่บุคลิคของไพ่มาใช้ มันก็น่าสน แต่ชื่อมันก็เชยๆนะ เก่าด้วยไง
ชื่อแบบที่ไม่เชยนี่ ก็ไม่รู้จะหาได้จากไหน ตั้งเองมั่วๆก็ไร้ความหมาย
เปิดดิกแบบจิฮิโระซะเลยดีไหม เมื่อก่อนใช้ไม้นี้นะ เวลาคิดชื่ออะไรในนิยาย
แบบเอาชื่อภาษาอังกฤษมาดัดแปลง อย่าง Luckless เป็นลุคาเรซไรงี้
นิยายเรื่องนั้นก็ปิดตายแระ ขี้เกียจเปิด ความจริงแต่งโดยเอาบุคลิคแมวที่บ้าน
คือเอาอะไรใกล้ตัวมาแต่งตลอดมั้ง จากที่มันมีชีวิตอยุ่ ก็ตายไปหมด เหลือตัวแม่
ก็สงสารตัวละครในนิยายด้วยนะ ถ้าแต่งไม่จบ แต่ก็ห่างๆกัน ไม่ค่อยติดต่อกัน
บางทีอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ เช่นตัวเอก ความจริงแล้วเป็นโรคหลายบุคลิก
และตัวละครอื่นๆก็แค่จินตนาการขึ้นมาอยุ่ในหัว นั่นก็เกินไปมั้งงงง
อยากแต่งแนวดิสโทเปียอนาคตด้วยนะ แต่ที่คิด ในอนาคตมีแค่แพทย์กับทหาร
แล้วคือไกลตัวด้วยทั้งคู่ ก็เลยไม่ได้เริ่มสักที กลัวมั่วหลักการเค้า ข้อมูลไม่เท่าไหร่
แต่ไม่มีรสชาติของอาชีพนั้นอยุ่ในหัว มันสื่อออกมาไม่ออก เอิ่ม รสชาติคือ..
มีอีกเรื่องที่กังวลคือ ความยูนีกมันหดหายไปไหนไม่รู้ รู้สึกอยากได้รสชาติแบบหนึ่งเดียว
ยากนะ ใช่ว่าแต่งเรื่องแรกแล้วจะสร้างยูนีกขึ้นมาได้เลย ฝันไปหรือไง ถึงได้คิดงั้น
แค่เข้าใกล้ความยูนีกก็พอ ไม่ว่าเนื้อเรื่อง ตีมไหน มันก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปได้หรอก
ตราบใดที่เรายังอยู่ในสังคมที่คนส่วนใหญ่เสพสื่อที่ไม่ต่างไรกันมาก ไม่ได้กว้างมากขนาดนั้น
แค่ภาษาไทย อย่างติดอิทธิพลหนัง/อนิเมะก็ต้องซับไทย เว็บไทย ไม่ไกลกว่านั้นเท่าไหร่
ถ้าจะให้แปลกใหม่ต้องถอดจิตไปอยู่ในสังคมไกลพ้นแบบอินเดียนแดงประมาณนั้น
เอาแบบที่หนังฮอลิวู้ดไปไม่ถึงด้วยนะ อะไรที่ออริจิ้น อะไรที่เนอีฟ มีความไร้เดียงสามากๆ
อย่างความเรียบง่าย บางทีก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ อินดี้ เพราะสังคมป็อปเน้นตื่นเต้น เร้าอารมณ์กว่า
ความเรียบง่ายที่ไม่น่าเบื่อ ไม่แก่ ไม่เชยจนเกินไป ส่วนมากเทไปทางหนังรักโรแมนติก
ไม่ก็ขายฝัน ทำซึ้ง แต่บางทีสื่อไม่ถึง บางทีแป้ก อะไรที่อินดี้มาก มันก็น่ากลัวนะ
แต่ป็อปก็ไร้สาระขายสนุกขายเซ็กส์ บางทีขายมิตรภาพก็พอดูได้ แก้เหงาไป
บางคนก็ว่า แค่หนัง แค่นิยาย เอาหนุกๆ คิดไรมาก พวกคิดมากขายไม่ออกหรอก
แต่นะ ทำไงได้ เรามันพวก Romantic Perfectionist ซะด้วย ไม่สร้างสรรค์ก็คงไม่ก่อ
ลองดูความถนัดของตัวเอง สิ่งนั้นจะช่วยก่อยูนีกได้ เมื่อก่อนคิดว่า เขียนให้เศร้าเก่ง
แต่บางทีก็กลัวตัวเองหดหู่ พักหลังมักเขียนติดตลก ชอบแขวะกระแนะกระแหน ปากร้าย
เขียนเรื่องเศร้าให้เป็นเรื่องตลกได้ เขียนเรื่องหดหู่โดยหัวเราะไปด้วยก็มี ออกบ่อย ไดอารี่
แน่นอนถนัดที่สุดคือ เขียนไดอารี่ ถึงขั้นจะให้เขียนนิยายแบบเขียนไดอารี่ แต่มันเน้นอารมณ์อย่างเดียว
ทำไงได้ มีแต่ต้องกลับไปคืนดีนิยายเรื่องที่แต่งค้างเอาไว้เท่านั้น ไว้ไปนั่งบ่นกับตัวละครดีกว่า
เผื่อตัวละครมีอะไรจะเสนอ ทำไงได้ก็มันเรื่องของเค้านี่หน่า เราแค่เอามาเขียน ใครจะอยากถูกปู้ยี้ปู้ยำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น