วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
การแข่งขันไม่ใช่การศึกษา ควรมีการทดสอบแต่ไม่ยึดติดกับผลของการทดสอบ ไม่ใช่เน้นการจัดอันดับ ความสามารถทางด้านการคิดวิเคราะอาจปลูกฝังได้ง่าย ง่ายกว่าการฝึกความอดทน การจัดการกับอารมณ์ (รวมถึงการแสดงอารมณ์ที่เหมาะสม) และการสร้างสัมพันธ์อันดีต่อผู้อื่น มนุษย์อาจมีสัญชาตญาณในการผูกมิตรเพื่อการสร้างสังคมเป็นธรรมชาติ แต่ธรรมชาติอาจไม่เข้าข้างบางคน ถึงอย่างนั้นการอยู่ตามลำพัง ดูไม่น่าปลอดภัย แต่ความสันโดษจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ การถอยออกมามองภาพรวม ทำให้มองเห็นมุมที่ในฝูงชนมองไม่เห็น มีความเชื่อว่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามสี่คนแม่งลากควายมาอยู่ด้วย เอ่อ อันหลังอาจเพี้ยนไปนัก อย่าได้แคร์ คนฉลาดมักจับกลุ่มรวมกันอย่างลงตัวได้ แต่เป็นกลุ่มที่ฉาบฉวย หวังผลต่อกันและบางทีเราอาจไม่รู้ตัวว่า เราเองคิดว่า อยู่กับพวกเขาปลอดภัย สบายใจ ไม่รู้ว่านั่นคือ การหวังผลที่ฉาบฉวยมาก โอย เหนื่อยและหิว พอเถอะนอนล่ะ บ่นอะไรไม่รู้ ว่าแต่จะหลับไหมนะคืนนี้ เหมือนจะมีความคิดร้ายๆเต็มหัว ถ้าได้ฝึกโยคะท่าห้อยหัวลงมา อาจเทความคิดพวกนี้ออกไปได้ แต่ก็ห่างไปนาน จนแม้แต่ท่าศพยังทำไม่ได้เลย เห้อ!!!!!!!!!!!!!! ยังมีผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจว่า วัยเด็กต้องได้เล่นบ้าง ไม่ใช่นั่งพับเพียบร้อยพวงมาลัยอย่างเดียว เด็กที่ไม่ได้เล่นตามวัย โตขึ้นมาก็คลั่งอยากกลับไปเล่นแบบเด็กๆ ดูไม่สมวัยเอาซะเลย เราพยายามหาบทเรียนจากสิ่งผิดพลาด พยายามคิดให้ได้ว่า การแสดงความหงุดหงิดนั้น มันส่งผลเสียอย่างไร เราทุกคนต่างก็รู้ดี แต่ที่ไม่รู้คือ จะทำยังไง ถ้ามีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เราจะกลายเป็นยักษ์โมโหหิวเหมือนเดิมหรือเปล่า การที่เรารู้ตัว ไม่ได้หมายความว่า จะหยุดการกระทำนั้นได้ ก่อนหน้านี้ เรายังไม่ยอมรับ เรายังปฏิเสธตัวตนด้านลบของตัวเอง เราไม่เชื่อว่า ในคนๆหนึ่งจะมียักษ์อยู่ข้างใน ในเมื่อเขายิ้มเหมือนคางคก และร้องไห้เหมือนนกยูง อืมมม เปรียบเทียบได้!?! เราไม่เชื่อว่า การส่องกระจกจะเห็นทุกสิ่ง ไม่เชื่อภาพที่เห็น เราปฏิเสธในสิ่งที่เราไม่ปรารถนา แต่มันมีธรรมชาติเป็นอย่างที่เราไม่ปรารถนา เรากลับไม่ยอมรับ นั้นทำให้ปัญหาไม่ทุเลาลง ความเจ็บป่วยนั้นรุนแรงยิ่งขึ้น เราต้องยอมรับความจริง มนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ ไม่อาจได้รับในสิ่งที่เขาปรารถนาได้ในทุกๆอย่าง เขาอาจสูญเสียสิ่งที่ปรารถนา แต่ความปรารถนาและการดิ้นรนจะช่วยให้เติบโต และยอมรับความจริงว่า ได้เท่าไหร่ถึงจะพอ ไม่เข้าใจความพยายามของตัวเอง การยึดติดกับถ้อยคำ การปั้นแต่ง ความดีงาม ความไพเราะ ความสวยสมดุล ต้องมากเท่าไหร่ถึงจะพอ ต้องอดทนกับความทะเยอทะยานมากแค่ไหน ต้องอดทนกับความท้อแท้เหนื่อยหน่ายสักเท่าไหร่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที ลืมตาขึ้นมา มีชีวิตอย่างแท้จริงสักที เอาล่ะ ยอมรับก็ได้ ยอมรับว่า เรากดดันตัวเองมากเกินไป จนถึงขีดสุดก็เผลอ ปล่อยวางตัวเองมากเกินไป หาความพอดีได้ยากเหลือเกิน และจะเดินต่อไปอย่างช้าๆ แต่มั่นคง เราจะต้องก้าวต่อไป ก้าวต่อไป ก้าวต่อไป ก้าวต่อไป อาจจะก้าวได้ไม่ยาวนัก อาจไม่เร็วทันใคร เราก็ต้องก้าวต่อไป ก้าวต่อไป และไม่ลืมที่จะก้าวต่อไป ความฝันที่จะได้ลืมตาตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตจริง นั่นจะเกิดขึ้นได้ ความฝันนั้นเป็นของเรา และเราจะรักษามันไว้ ไม่ว่ามันจะดูงี่เง่าขนาดไหน มันก็คือความฝันของเรา คือความปรารถนา จะว่าเป็นเป้าหมายก็ยังไม่ชัดเจนซะทีเดียว เรายังให้ความชัดเจนไม่ได้ในตอนนี้ แต่สักวันเราจะมีมันแน่ เราจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรา จะทำสิ่งที่ดีเท่าที่เราจะทำได้และนั้นจะดีที่สุด ดีเพียงพอ เราจะพอดี เราจะลงตัวกับทุกสิ่ง สักวัน และวันนั้นจะมา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น