วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557



11-11-57(รอบเช้า)
อ่านพันทิป  คนดังที่เคยตกอับมาก่อน
อ่านแล้วก็เห็นเป้าหมายชัดขึ้น

เราไม่ได้อยากเป็นคนที่รวยที่สุด
เราไม่ได้อยากทำงานเพื่อสร้างเงินเป็นกอบเป็นกำ
แต่เราอยากได้อะไรสูงสุดในชีวิตล่ะ
อาชีพนักเขียน  มันก็ไม่ใช่ประเภทสร้างรายได้อยู่แล้ว
อันดับ 13 J.K. Rolling
เป็นนักเขียนที่ร่วมติดโผกับเค้า
รู้สึกชื่นมื่น ที่มีอาชีพในฝันของเราติดด้วย
พอมาคิดเราอยากประสบความสำเร็จแบบนี้ไหม
ก็คิดนะ  แต่ดูเหมือนจะมากไป  แค่ในไทยยังดูเลือนรางเลย
เราอยากมีชื่อเสียงเหรอ  หรืออะไร  เราสงสัยนะ
เราอยากเป็นศิลปิน  อยากเป็นคนที่มีชื่อในแบบของเรา
อยากแสดงความเป็นตัวตนของเราออกมา
ศิลปินดังๆเยอะแยะ  ทำไมต้องเป็นโรคซึมเศร้า
เราเองก็มีแววจะได้เป็นเพราะเรื่องแบบนี้  แปลกไปมั้ง
ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคนเป็นโรคนี้หรอกที่จะเป็นศิลปิน
อย่าเอาตรรกะแปลกๆมาใช้  มันไม่สมเหตุสมผล
เราคงจะเป็นศิลปินที่บ้าตรรกะที่สุดเลยล่ะ
แต่ศิลปินไม่ใช่อาชีพทำเงิน  ส่วนใหญ่ตายก่อน ถึงรวย
ตายก่อนถึงมีชื่อเสียง  กว่าคนจะมองเห็นคุณค่าก็อีกนาน
นอกจากนี้ หลายคนมีปัญหารุมเร้า  ถึงได้เป็นโรคทางจิต
อย่างปัญหาครอบรัว  ความรัก  การงาน  การเงิน
หลายคนมีอาการทางจิตมาก่อนที่จะเจอปัญหาและยิ่งแย่ลง
หลายคนจบชีวิตตัวเอง  ชีวิตพวกเขาน่าสะเทือนใจยิ่งนัก
เทียบกับเราแล้ว  แค่มีเรื่องผิดพลาดเล็กน้อย ยิ่งเก็บมาคิดใหญ่โต
แต่เราก็มีชีวิตที่พอใจ  มีความพอใจในตัวเองบ้าง  หงุดหงิดบ้าง
เกือบจะมีลักษณะบุคลิคแตกแยกแบบสองบุคลิกแล้วล่ะ
เพราะเป็นคนชอบสร้างภาพว่าตัวเองเข้มแข็ง ชอบให้คนอื่นมีความสุข
ก็จะกลบเกลื่อนความเศร้า แล้วพูดจาติดตลกออกมาบ่อย จนน่าถีบ
รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น  คนดังหลายคนประสบเรื่องร้ายแรงกว่าเราเยอะ
แต่เค้าก็ยังก้าวพ้นและขึ้นไปสู่จุดสุดยอดในสังคมได้  อย่างน่าอิจฉา
เราเองก็ยังพอมองเห็นอนาคต  ยังมีหวังไปสู่จุดที่ดีที่สุดที่เราพอใจมากกว่านี้
เราเป็นคนอ่อนไหวก็จริง  แต่ก็คิดหาเหตุผล  คิดหาทางแก้ปัญหาและพัฒนาตัวเองเสมอ
ดีที่เราชอบเรียนรู้  ชอบหาความรู้ใส่ตัว  ชอบพัฒนาตัวเอง
แต่ติดที่เรามีอีโก้  มองตัวเองดีจนพอทำผิดพลาดก็ล้มแล้วลุกยาก
มีลักษณะสองบุคลิกหรือมากกว่านั้นในตัวด้วย
เพราะงั้นเลยสับสนในตัวเอง  ไม่รู้ว่าจะแบบไหนกันแน่
แต่ลองมองอีกที  ทุกแบบก็เราหมดนั่นแหละ  แค่เป็นคนแปลกๆ
ถึงจะมีบุคลิกหลากหลาย  ถึงจะอารมณ์อ่อนไหว  แต่ก็เรานั่นแหละ
ถ้ามองอย่างมีเหตุผล  เราไม่มีทางจบชีวิตตัวเองง่ายๆด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรอก
มีหลายบุคลิกในตัวเราค่อนข้างมองโลกอย่างสดใสและมองไปข้างหน้าตามจริง
ถึงจะมีบุคลิกที่พาอารมณ์แปรปรวนบ้าง  แต่ก็เหมือนมีครูคอยมาห้ามปรามเวลาทำสิ่งไม่ดี
แถมเราในตอนนี้ยังประทับภาพตัวเองสวยงามขึ้น  มีความรักในตัวเอง รักผู้อื่นมากขึ้น
ความคิดที่จะฆ่าตัวตายอาจเป็นสิ่งที่มาอย่างคาดไม่ถึง
แต่เรามีภูมิพอจะคุ้มกันได้แล้ว  มีประสบการณ์ทำร้ายตัวเองจนทำชีวิตย่ำแย่
เราลงโทษตัวเองด้วยการลาออกจากงานดีๆที่หายากแทบตายแน่  ถ้าหาด้วยตัวเอง
ทำไงได้  มีงานดีๆทำอยู่แล้ว  ยังโดดงานไปคิดฆ่าตัวตาย  ก็เลยต้องปิดฉากงานดีๆลง
ก็เลยเข็ดด้วย  เป็นการลงโทษตัวเองไปในตัว  แต่เราในตอนนั้นยังไม่พร้อมทำงานจริงๆ
ยังควบคุมอารมณ์ความคิดตัวเองได้ไม่ดีพอ  ปล่อยให้ความคิดแง่ลบครอบงำอย่างสมบูรณ์


11-11-57(รอบค่ำ)
วันนี้เราอ่อนไหวต่อคำวิจารณ์อย่างแรง
มันยังรู้สึกเจ็บปวด  มันแทงใจ  มันเจ็บใจ
ถูกคนที่อยู่ในสถานะต่ำกว่ามาพูดด้วยแล้ว
ทั้งที่มาขอให้เราทำงานให้ตัวเองแท้ๆ
แต่เราไม่เอา  ใครจะบ้านั่งเขียนรายงานให้กับเด็กประถม
มีการมาบอกว่า พี่อยู่บ้านเฉยๆ นอนเล่นกิน วันๆไม่ทำไร
แต่หนูเนี่ยต้องทำรายงาน ทำการบ้าน เรียนหนังสือ
ขอโทษเถอะ  พูดแบบนี้ ไม่รู้จักเราซะแล้ว
ถึงเราจะซึมเศร้าจนไม่เป็นอันทำการทำงานอะไร
แต่เราก็พยายามอยู่ตลอด  ยังหาอ่านความรู้ในเน็ต
เผลอๆจะได้รู้มากกว่าคนที่ไปทำงานหรือไปเรียนซะอีก
แต่มันเจ็บใจตรงที่ไม่ใช่แค่น้องคนนั้นหรอกที่คิดกับเราแบบนี้
ปกติเราจะนั่งเขียนนิยายเขียนบล็อกหรือท่องเว็บไปเรื่อยในห้องส่วนตัวอันสงบ
แต่เรารู้สึกอุดอู้ ขาดจินตนาการเลย จิ้นว่าได้มาเที่ยว  ยกคอมฯออกมานั่งข้างนอก
แค่วันนี้ก็เหมือนถูกแขวะ  เราอาจคิดไปเองก็ได้  เรื่องที่น้าแซวป้าที่ออกมานั่งหน้าบ้านเรา
ว่า สบายเนอะ ไม่ทำการทำงานอะไร  เราก็เผลอคิดถึงตัวเองแล้ว
และพอน้องคนนั้นกลับมาตอนเย็นมาขอให้เราช่วยแต่งเรียงความวันพ่อให้
เราก็คิดไม่ออกอะ  ไม่ได้มีพ่อ  ไม่ได้เขียนมานานแล้วด้วย
เวลาเขียนเรียงความตอนเรียน  เราก็เขียนอึนๆไปงั้น  แค่พอส่ง
เพราะกลัวเขียนแบบเศร้าๆ แล้วคนเค้าจะสงสาร  แล้วจะเด่นแบบแปลกๆ
แค่พยายามฝืนยิ้มให้ได้ทุกวันพ่อวันแม่ก็ยากพอแล้ว
วันพ่อเป็นวันที่เราจะต้องสกัดกั้นน้ำตามากพอๆกับวันแม่
หลังๆมานี้  เราคิดแค่ว่าเป็นวันเกิดพระราชา พระราชินี
กลายเป็นปฏิเสธท่านทั้งสองไปเพียงเพราะเราเจ็บปวด
เจ็บแล้วก็น่าจะคิดได้  น่าจะสำนึกได้ว่า ต้องทำอะไรที่สำคัญ
ให้สมกับที่กลายเป็นคนไม่มีพ่อแม่  เอาให้คนมีพ่อแม่อายไปเลย
รู้สึกตึงเครียด  น้ำตาคลอ  แอบมีร้องไห้บ้าง  คิดแล้วน้ำตาไหลเลย
รู้สึกมีปม  แต่ไม่รู้จักปมนี่เลย  มันแก้ยังไงก็ยังมืดบอด
ปมไม่อยากร้องไห้นี่  เรียกเก็บกดอารมณ์  ไม่ยอมแสดงออก
เหมือนทั้งชีวิตนี้มีแต่ร้องไห้  ร้องไห้จนเท่ามหาสมุทรแล้ว
น่าจะหาอะไรมารอง  เก็บสะสมไว้ ว่าวันนี้ร้องเท่านี้
เผลอๆเอาไว้วัดหาความเศร้า  ว่าน้ำตาของวันไหนเศร้ากว่ากัน
ให้มันได้อย่างนั้นสิ  ของแบบนี้มันวัดออกมาได้ด้วย
เครียดขนาดนี้  น่าจะเพียงพอที่จะได้แรงใจทำงานนะ
(ยกมาจาก Writing Diary ใน MS Word)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น