วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บางทีถ้าเรา..สักพักก็อาจดี


ถ้าตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง  ไม่มีทางที่เราจะทำไม่ได้หรอก!
และเช่นกัน  ถ้าตั้งใจจะไม่ทำอะไร  เราก็ไม่ทำอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ
สิ่งสำคัญก็คือ  อะไรที่จะทำให้เราตั้งใจ..แรงบันดาลใจ...แรงผลักดัน

ถ้าไม่มีความรัก  สิ่งสร้างสรรค์ต่างๆก็คงไม่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะความรักในตัวเอง หรือความรักในคนอื่น ใครก็ตาม
รวมถึงความรักใน 2D ด้วย  ความรักในสิ่งที่เป็นามธรรมทั้วปวงด้วย

บางคนมีความรักในความรัก
บางคนศรัทธาในความศรัทธา
บางคนเมตตาในความเมตตา
ทุกสิ่งล้วนสวยงาม

เรามีความรักในสิ่งสวยงาม
แต่สิ่งสวยงามนั้น คืออะไรกันเหล่า
คือสิ่งที่จริงแท้ เป็นนิรันดร์หรือไม่?

หรือเราเพียงหลงไหลในสิ่งที่เป็นเปลือกนอก
สิ่งที่เป็นเพียงเปลือกนอก  สักวันต้องกะเทาะหลุดลอก
ระหว่างใจเรากับเปลือกนอก  สิ่งใดจะกะเทาะออกก่อนกัน

เราคงต้องเสียเวลาเสียใจมากมาย หากใจกะเทาะทีหลัง

ปล.โพสนี้ อา่จต้องอ่านควบคู่ไปกับหนังสือปรัชญาเบื้องต้น..มั้งนะ

หรือสิ่งสวยงามนั้น ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
{Cr.Little Prince

ในความรักที่มีต่อสิ่งสวยงาม
เราปรารถนาที่จะให้ใครก็ตามได้เห็นในสิ่งสวยงาม
เช่นเดียวกับเรา

นึกถึงจิมมี่ เลียวขึ้นมาตะงิดๆ
นึกถึงใครต่อใครที่ทำให้เราเห็นสิ่งสวยงาม
นึกถึงนักบินคนนั้น  นึกถึงนักเขียนประกอบภาพ

ขอบคุณทุกๆแรงบันดาลใจในชีวิต
ถ้าเราไม่ชอบอ่าน  ถ้าเราไม่ชอบฟัง
ถ้าเราไม่ชอบเรียนรู้
ชีวิตนี้  เราคงไม่เป็นเราแบบนี้

เราเชื่อมาตลอดว่าเป็นเป็นคนพิเศษ
เป็นคนที่เกิดมาเพื่อที่จะแตกต่างกับคนอื่น
เพราะงั้น  เราถึงมีชีวิิตได้อย่างลำบาก
ไม่เหมือนคนอื่น

แต่เรารู้สึกโชคดีเสมอ เราได้รับการเอาใจใส่อย่างดี
จนกลายเป็นคนที่เอาแต่ใจไปเลย
แต่ก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งจากคนเหล่านั้น

เรามีครูที่ดี  เป็นสิ่งที่เราภูมิใจมาก
และเราก็อยากเป็นครูที่ดีของคนอื่นบ้าง

ในสังคมมนุษย์  เรามักทำมากกว่าพูด
เราเชื่อว่า  จะพิสูจน์อะไร ต้องด้วยมือ  ไม่ใช่ปาก
ถึงเราจะมีอุดมการณ์ และวลีเด็ดๆ
แต่เราเองก็ นึกดูแคลนคนอื่นเสมอ

หากเป็นไปได้  เราคงต้องสงสารคนที่ทำอะไรขัดใจเรามากกว่า
เพราะสิ่งนั้นขัดใจเรา  ถึงได้มองว่า เค้าทำไม่ดี

ถ้าเช่นนั้น  การทำดี คือการทำอะไรให้ขัดใจคนอื่นน้อยที่สุดหรือ?
บางอย่างที่ทำแล้วขัดใจตัวเอง  แต่ถูกใจคนส่วนมาก  ก็เป็นทำดีไป

การที่เราเป็นคนพิเศษแบบนี้  เราจึงใช้ชีวิตอยู่ได้ยาก
การที่เรามีชีวิตอยู่ได้ยาก  ทำให้เกิดการเรียนรู้
เราได้เรียนรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้มากมาย
ความรู้ของเราเกิดจากความผิดพลาดทั้งหลายในชีวิต

เราใช้ชีวิตไปมากกว่าคนอื่น
เพราะเราผิดพลาดมากกว่า

ชีวิตที่ผิดพลาดอาจสูญเปล่า  หากไม่มีการเรียนรู้
หากผิดแล้ว ไม่รู้ ก็ต้องผิดโง่ๆ ต่อไป
หลายครั้ง  เราเองก็ยอมผิดโง่ๆ  เพื่อที่จะไม่แปลกไปจากใคร

แต่เราเรียนรู้แล้วว่า  การเป็นตัวของตัวเองไม่ได้โง่เกินไปหรอก
การยอมผิดโง่ๆ ตามคนอื่น  นั่นมันเลวร้ายเลยล่ะ
บางอย่าง  เราเลี่ยงออกมาจากคำว่า ผิดไม่ได้เลยล่ะ
เพราะ ผิดนัั้น  บางคนเข้าใจว่าคือ ผิดไปจากคนอื่น
(อันนั้นน่ะ  เราแน่นอน)
เพราะงั้นเราต้องมีจุดยืนของตัวเอง
แต่ต้องเคารพในจุดยืนของผู้อื่นด้วย
{สิ่งนี้  ไม่เห็นมีครูในร.ร.มัธยมสอนเลยวะ
บางทีเราอาจจะแก่เกินไปแล้ว  เด๋วนี้อาจจะมีแล้้วก็ได้

ยอมรับว่า เด็กสมัยนี้ฉลาดขึ้นเยอะ
ผู้ใหญ่ไม่มีทางปิดหูปิดตาเหมือนอย่างแต่ก่อนได้
เด็กรู้มากกว่า  แต่อาจยับยั้งตัวเองได้น้อยกว่า
ควรจะสอนให้รู้จักวิเคราะห์เองเป็นได้แล้ว
แต่คงไม่ได้สอนมาจากตรรกะงี่เง่าในแบบเรียนหรอกนะ

วิชาชีวิตจริง  ครูอาจสอนได้แค่ทางอ้อม  แต่พ่อแม่สอนได้ทางตรง
พ่อแม่เป็นยังไง  พ่อแม่พูดยังไง  ลูกก็เป็นอย่างนั้น
เราละคนหนึ่ง  ถ้าเค้าบอกว่า  เราโง่  เราก็จะยอมโง่จริงๆ
บางที เราอาจจะเป็นคนตรงเกินไปก็ได้
เราชอบความจริง  ถีงขั้นหลงไหลหรือว่ารักเลยก็ว่าได้
{ไปจำเอาวิธีการพูดแบเมะมาใช้เฉยเลย  พูดแบบน้องสาว 55

เราเป็นคนหลงกาลเวลา (ไม่ใช่หลงรักแน่นอน)
เด๋วก็ไปอดีต  เด๋วก็ไปอนาคต  เราชอบลืมปัจจุบัน
แล้วก็มักมีปัญหาเวลาลำดับเหตุการณ์ต่างๆ
คงเพราะเราเป็นพวกใช้สมองฉีกขวามั้ง
อะไรๆก็จับมารวมๆกัน  แบบนั้น มันเชื่อมโยงกันง่ายดี

เวลาทำข้อสอบแบบเลือกตอบ  ก็หมูๆเลย
เพราะจำเก่ง  เชื่อมโยงเก่ง
แต่พอให้เขียนอธิบายทีไน  โง่เลย
เพราะเรียงลำดับไม่เป็น
เขียนวนไปวนมา  จนงงเอง
แต่ถ้าถามว่า เข้าใจมั้ย
ก็เข้าใจในแบบของตัวเองอะนะ

เราไม่ค่อยจำวันเกิดใคร
ไม่ค่อยสนใจว่า วันนี้วันอะไร
บางทีก็หลงวัน  นึกว่าวันนี้ วันศุกร์
หรืออะไรต่อมิอะไร
และพอนึกถึงเรื่อง บางเรื่อง
ยังตกใจเลยที่รู้ว่า มันผ่านมานานเป็นปีแล้วหรอเนี๊ยะ

บางทีก็เหมือนเราหลงลืมกาลเวลาไปแล้ว
บางทีถ้าเรามีชีวิตเรียบง่ายซะบ้างก็อาจดี
บางทีถ้าเรามีปัญหาเรื่องอารมณ์ซะบ้างก็อาจดี
บางทีถ้าเรามีปัญหาเรื่องความรักซะบ้างก็อาจดี
บางทีอะไรที่มันขัดใจเราเกิดขึ้นซะบ้างก็อาจดี
บางทีเราอาจได้เรียนรู้

บางทีถ้าเราขี้ขลาดแบบนี้ต่อไปสักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราขี้เกียจแบบนี้ต่อไปสักพักก็อาจดี
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

บางทีถ้าเราจะสุดโต่งเกินไปแบบนี้สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราซึมเศร้าขนาดนี้สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราจะหงุดหงิดขนาดนี้สักพักอาจดี
บางทีถ้าเราจะรู้สึกหยะแหยงแบบนี้สักพักอาจดี
บางทีถ้าเราจะสังคมรังเกียจแบบนี้สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราจะคันไม้คันมือแบบนี้สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราจะโอตาคุขนาดนี้สักพักก็อาจดี

บางทีอาจดี  บางทีอาจร้าย

บางทีถ้าเราจะกลุ้มใจเรื่องอนาคตแบบนี้สักพักอาจดี
บางทีเราอาจจะมองโลกในแง่ร้ายบ้างดีบ้างสักพักอาจดี
บางทีเราอาจตายไปไม่รู้ตัวสักพักอาจดี
บางทีเราอาจจะตายไปแล้่วจริงๆ สักพักอาจรู้สึกตัว
[Empty Dead]

บางทีเดี๋ยวเราก็เกิดใหม่ สักพักอาจจริง

ระหว่างคนที่เหมือนกับเรา
กับคนที่แตกต่างกับเรา
สมมติว่า ต้องให้เลือก เราควรจะเลือกคนแบบไหนดี
ถ้าทั้งสองคน ต่างก็เป็นคนดีในแบบของตัวเองด้วยกันทั้งคู่
โง่  เราก็ต้องเลือกคนที่เรารัก คนที่เราจะดูแลได้สิเนอะ
แต่ว่า การที่เราไม่ได้รักคนที่คอยดูแลเรา แม่งโคดทรมานเลย
ให้ตายเถอะ  ไม่แต่งงานดีกว่าวะ ถ้าไม่ได้รักกันจริงๆ
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะรักใครสองคนพร้อมๆกัน
ถ้ามีคนแบบนั้นอยู่จริง  ก็คงจะเป็นพระโพธิสัตว์

{เราไม่ใช่พระโพธิสัตว์  เพราะงั้นเรารักแค่คนเดียว
อีกคนคงเป็นตัวหลอกอะไรทำนองนั้น
แล้วเราจะหาคำบอกใบ้เจอไหมว่า
จริงๆแล้ว เรารักใคร
ถ้าตัดสินใจผิดพลาดไป จะต้องทำไง?
ต้องรีบจบรูท  ถึงจะแบดเอ็น หรือเปล่า?
โอ้ย! ตายแล้ว  ชีวิตจริงนะไม่ใช่เกม

บางทีถ้าเราจะสับสนขนาดนี้ สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราจะใจร้อนขนาดนี้ สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเกิดเราตัดสินใจผิดพลาด สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราจะเรียนไม่จบจริงๆ สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราต้องฝืนใจไปพบอาจารย์จริงๆ สักพักอาจดี
บางทีถ้าเราทำอะไรผิดพลาดอีก สักพักอาจดี

บางทีถ้าเราจะเป็นโสดไปตลอดชีวิต สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราต้องถูกเหยีดหยามตลอดชีวิต สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราจะโง่ไปตลอดชีวิต  สักพักก็อาจดี
บางทีถ้าเราจะแย่ขนาดนี้  สักชาติก็อาจดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น