วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เมื่อไหร่จะจบ

นี่ถ้าคุณจะเขียนรายงานได้สักครึ่งของเขียนบล็อก
คุณจบไปนานแล้ว  เมื่อไหร่คุณจะทำรายงานจบซะทีห๊ะ

นี่ก็ผ่านมาจะสองปีได้แล้ว จนป่านนี้ เพื่อนคุณแต่งงาน มีลูกสองคนได้แล้วมั้ง
สมมติว่า ถ้าไปหาอาจารย์ แล้วเค้าพูดแบบนี้
เราจะตอบยังไงดี?

แล้วรุ่นเพื่อนๆ รุ่นน้องๆ มันคงเกลียดเรา ที่งี่เง่าไดัขนาดนี้
นึกอนาถตัวเอง  ไม่ต่างไปจากเชี่ยวิน
เสียแต่ไม่ได้จะปล้ำอาจารย์ 55

ไม่คิดว่า เรื่องของตัวเองจะแอบตรง
เอาจริง เราก็ขวางโลกอยู่ แต่ไม่ค่อยแสดงออก(ด้วยคำพูด)
เป็นคนดื้อเงียบ  และรู้สึกว่าเพื่อนที่ยังเรียนไม่จบก็คงอารมณ์เดียวกัน
 
เป็นคนที่ต่อต้านสังคมอยู่เบาๆ
มีอยู่ช่วงหนึ่งจะออกตัวแรงในเฟสบุ๊ค
แต่บอกตรง นั้นไม่ใช่ตัวตนเราเลย
ฮอร์โมนมันพลุ่งพล่าน  คนกำลังมีความรัก(ครั้งแรก)
ก่อนจะเป็นแบบนั้น  เราอาศัยอยู่เงียบๆมาโดยตลอด
และเราก็อึดอัดกับโพสเวิ่นเว่อของพวกผู้หญิ้งผู้หญิง
ที่ยังทนอยู่เพราะอยากเผือกเรื่องของคนนั้นเท่านั้นเอง
แต่ไม่ดีเลย  การรู้เรื่องหลอกๆบนเฟสของคนอื่น มันเจ็บใจเปล่าๆ

แล้วเราจะกลับมาที่เรื่องเรียนได้ไหม?

ไม่ใช่ว่าเราจะเอาอย่างสตีฟ หรือคนรวยๆ นักธุรกิจร้อยล้านพวกนั้นหรอกนะ
เราแค่เบื่อโลกของผู้ใหญ่
เบื่อที่จะต้องเดินตาม เบื่ือที่ต้องถูกไล่ต้อนเหมือนหมูเหมือนหมา
เบื่อที่ต้องเป็นเบี้ยล่าง  คอยรับคำสั่งอย่างเดียว
เราอาจจะรักอิสระและตรงเกินไป
มีอีโก้มากไป และดื้อรั้น เอาแต่ใจ

มันก็ผิดที่เรา  เรารู้ดี
เราก็พยายามแก้ที่ตัวเองอยู่
แต่เราก็หาเหตุผลที่ดีพอไม่ได้
ไม่รู้ว่า ทำไมถึงไม่อยากทำเลย
อาจเป็นปัญหาระดับจิตใต้สำนึกก็ได้
แต่เราก็ไม่มีความอดทนกับหมอมากพอ

คือแค่หมอยังอดทนด้วยไม่ได้
แล้วเพื่อนร่วมงาน ครู เพื่อนร่วมชั้น
เราจะเข้ากับใครสักคนได้บ้างไหม  ชีวิตนี้

มันอยู่ที่อีโก้ด้วยแหละ
เราอีโก้สูงไป  อีคิวต่ำ  มั้งนะ
ทั้งๆที่ไม่ใช่เด็กเทพ  ยังอ่อนเรื่องแบบนี้ได้
อ่อ เราเทพอยู่เรื่องหนึ่ง
เป็นอัจฉริยะในด้านการเข้าใจตัวเอง
ทำให้หลงตัวเอง ว่าฉันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
มากเกินไป

ยึดติดกับตัวตนของตัวเองมากเกินไป
....

เราขี้ขลาดด้วยล่ะ
กลัวการถูกวิพากษ์จนไม่กล้าเขียนอะไร
ทั้งที่เคยชอบที่จะเขียนมาก
ใช่สิ  มีอยู่ช่วงหนึ่ง  เราไม่กล้าเขียนอะไรเลย
แต่ตอนนี้  เราเปิดใจที่จะเขียน กลับมาเขียนมากขึ้น
แต่ก็ยังได้แค่เขียนไดอารี่
ส่วนนิยายก็คิดได้  แต่ยังต้องดองต่อไป
เพราะใจไม่กล้าพอที่จะเขียนต่อ

ยังรู้สึกติดใจกับการเขียนที่ผิดพลาดครั้งนั้น
รู้สึกเลวร้าย  จนลืมไม่ลง  รู้สึกงี่เง่ามาก
ถึงขั้นเกลียดตัวเอง ที่เขียนได้งี่เง่าขนาดนั้น
ไม่แปลกเลยที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเรา

เพราะเราจริงจังมาก  จริงจังกับการเขียน
เลยเป็นเหตุว่า  พอเขียนพลาดไป ครั้งหนึ่ง
แบบว่า ถือเป็นครั้งใหญ่ ถูกวิพากษ์ซะเยอะ ในทางลบ
กลับมาเฟลแดกเลย
รู้สึกว่า ชีวิตจบสิ้นทุกอย่าง
ความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนจบลง

เริ่มเข้าใจตัวเอง ที่เสียสติไปแล้ว มากขึ้น
การที่ความฝันมันสูญสลาย แต่ยังมีชีวิตอยู่ได้  โคดเก่งเลย
นานๆทีจะชมตัวเอง  เราขี้เหลิงนะ  จะชมก็ชมแต่พองาม

แต่เราก็กลับมาฝันอีก ถึงจะยังขลาดๆอยู่
พยายามที่จะให้อะไร เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปบ้าง
เพราะใจร้อน มุทะลุเกินไป  แต่ไม่รู้ตัว มาโดยตลอด

เรารักการเขียนที่สุด  และจะไม่หยุดเขียน จนกว่าจะตาย
สิ่งที่เราจะเสียดายที่สุด  ถ้าพรุ่งนี้  เราตาย คือ
บล็อกของเราเข้าไม่ได้อีกต่อไป

ถึงตายไปแล้วก็ยังอยากอ่านบล็อกของตัวเอง
จะมีใครสักคนมาอ่านให้ฟังไหม 55

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น